วิธีทำขนมกระทงทอง พร้อมเคล็ดลับความอร่อย คงความกรอบได้นาน
กระทงทอง เป็นชื่ออาหารว่างของไทยที่ถือกำเนิดในช่วงรัชกาลที่ 5 และเป็นหนึ่งในตัวแทนที่สะท้อนความประณีตบรรจงในการรับประทานอาหารของไทย โดยนำถ้วยแป้งกรอบมาใส่มันแกว กุ้ง และปูที่ผัดและปรุงรสจนมีรสชาติกลมกล่อม สามารถรับประทานได้ในคำเดียว ทำให้รสสัมผัสในปากมีทั้งความนุ่มและกรุบกรอบ สามารถใส่ไส้ได้หลากหลายรูปแบบ แต่หากจะกล่าวถึงไส้ที่ได้รับความนิยม ก็คงต้องเป็นซอสครีมที่มีรสชาติหวานนำและเปรี้ยวอ่อน ๆ ทำให้รู้สึกอยากลิ้มลองไม่รู้จบ
วิธีทำแป้งกระทงทองให้กรอบนาน
หัวใจสำคัญของกระทงทอง คือ แป้งที่บางกรอบ เสริมรสสัมผัสให้กับการรับประทาน เมื่อรับประทานรวมกับไส้กระทงทองในคำเดียวกัน ก็จะช่วยยกระดับรสชาติของอาหาร และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ลิ้มรส โดยวิธีการทำแป้งกระทงทองให้มีรสชาติอร่อยและกรอบนาน มีดังต่อไปนี้
วัตถุดิบ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์
- แป้งข้าวเจ้า
- เกลือ
- ไข่แดง
- น้ำตาลทราย
- น้ำปูนใส
- น้ำมันพืช
วิธีทำ
- ร่อนแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกันในชามผสม
- ใส่เกลือ น้ำตาลทราย ไข่แดง น้ำมัน และน้ำปูนใส นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี
- พักแป้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้เนื้อแป้งเซตตัว
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันและนำพิมพ์กระทงทองแช่ในน้ำมันเพื่อให้ร้อน
- จุ่มพิมพ์ในแป้งที่เตรียมไว้ จากนั้นนำลงทอดในน้ำมันร้อนจนแป้งเริ่มสุก
- เคาะแป้งออกจากพิมพ์ แล้วทอดต่อจนได้สีเหลืองทอง
- วางกระทงที่ทอดเสร็จบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
รวมสูตรไส้กระทงทอง อร่อยได้หลากหลาย
เสน่ห์ของขนมกระทงทอง คือ ความหลากหลายของไส้ที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถรังสรรค์ความอร่อยได้ตามต้องการ อย่างเช่น ที่ R-Haan ได้ผสมผสานรสชาติของหมี่กรอบที่มีความเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียกและความหวานจากน้ำตาลปี๊บอย่างลงตัวมาเป็นไส้แสนอร่อย นอกจากนี้ยังมีไส้ให้ลองลิ้มชิมรสมากมาย และทำได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
ไส้หมี่กรอบ แนะนำโดย R-HAAN
นำเส้นหมี่กรอบไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจนฟูกรอบ จากนั้นปรุงน้ำซอส โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำส้มสายชู น้ำกระเทียมดอง น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ จากนั้นนำไปเคี่ยวจนเข้มข้น เพิ่มความหอมรัญจวนใจด้วยผงกะหรี่ ผงขมิ้น และสมุนไพรกลิ่นอายล้านนา นำไปคลุกเคล้ากับหมี่กรอบจนเข้ากันดี ตักเสิร์ฟในกระทงกรอบ และตกแต่งด้วยผักโขมแดง (Red Amaranth) เพื่อความสวยงาม
ไส้ครีมสลัด
นำเนื้อสัตว์ตามชอบมาปรุงสุกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ข้าวโพดที่ต้มสุก แคร์รอตหั่นเต๋า หอมใหญ่ จากนั้นใส่มายองเนสหรือน้ำสลัดครีม คลุกเคล้าให้เข้ากัน เพิ่มรสชาติให้เข้มข้นด้วยเกลือ พริกไทย และน้ำมะนาวเล็กน้อย
ไส้ทูน่าไวต์ซอส
นำทูน่ากระป๋องมายี จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับไวต์ซอสหรือมายองเนส แล้วใส่ผักชีสับ หรือผักโรยหน้าอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่น ตักใส่กระทงพร้อมเสิร์ฟ
ไส้กุ้งและข้าวโพด
นำกุ้งมาทำความสะอาดและปอกเปลือกให้เรียบร้อย โขลกสามเกลอเตรียมไว้ จากนั้นตั้งไฟอ่อน ใส่สามเกลอลงไปผัด ใส่กุ้ง ข้าวโพด แล้วปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนแห้ง แล้วตักใส่กระทงเสิร์ฟ
ไส้ไก่หรือไส้หมูสับ
นำไก่มาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาดเล็กหรือใช้หมูสับ หั่นหอมใหญ่และแคร์รอตเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ นำถั่วลันเตาและแคร์รอตไปนึ่งหรือต้มให้สุกพอประมาณ ตั้งกระทะใส่เนยลงไป จากนั้นนำหอมใหญ่ลงไปผัดจนเป็นคาราเมลไลซ์ ใส่เนื้อสัตว์ ถั่วลันเตา แคร์รอต ผัดจนแห้ง ปิดไฟ ตักเสิร์ฟ
ไส้มะพร้าวอ่อน
มาลองทำกระทงทองไส้หวานกันบ้าง ให้เตรียมมะพร้าวอ่อนขูดบาง ๆ ล้างให้สะอาด ใส่ลงไปในกระทะ จากนั้นใส่เกลือไปเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งข้าวโพด และน้ำมันมะพร้าวเพิ่มความหอม ผัดจนแห้งพักไว้ เมื่อจะรับประทานให้ตักใส่กระทงพร้อมเสิร์ฟ
ไส้มะพร้าว
เปลี่ยนจากการใช้เนื้อมะพร้าวอ่อนมาใช้มะพร้าวทึนทึก โดยนำมะพร้าวทึนทึกมาขูดเป็นเส้น จากนั้นนำน้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำเปล่าใส่ลงไปในกระทะ เคี่ยวจนเหนียว ปิดไฟแล้วใส่มะพร้าวลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งเอาไว้จนเย็นแล้วตักเสิร์ฟ
เคล็ดลับการทำกระทงทองให้อร่อย
- ใช้น้ำมันใหม่และร้อนประมาณ 160 องศาเซลเซียสในการทอดแป้งเพื่อให้กรอบสม่ำเสมอ
- ใส่ไส้ในกระทงทองก่อนเสิร์ฟทันที เพื่อคงความกรอบของแป้ง
- ผัดไส้จนแห้ง เพื่อให้กระทงทองสามรสคงความกรอบได้ยาวนาน
- ตกแต่งด้วยสมุนไพรหรือผักสดเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน
รื่นรมย์กับกระทงทองที่ร้านอาหารไทยต้นตำรับ R-HAAN
รื่นรมย์กับอาหารว่างไทยในรูปแบบของ Fine Dining แบบไม่ต้องลงมือเข้าครัวเองได้ที่ R-HAAN ร้านอาหารไทยต้นตำรับในกรุงเทพฯ ที่พร้อมพาทุกท่านออกเดินทางสำรวจวัฒนธรรมการกินที่รุ่งเรืองของไทย ผ่านการสัมผัสและรับรสอาหาร ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดในประเทศ และปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร
สำหรับผู้ที่ต้องการสำรองโต๊ะร้าน R-HAAN เพื่อสัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษที่ร้านจากฝีมือของเชฟชุมพล ติดต่อจองโต๊ะกับเราได้เลยที่ R-HAAN ร้านอาหารไทย Fine Dining ยินดีต้อนรับ
สำรองที่นั่ง